วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ผู้จัดทำ ม.4/8

1.น.ส.สุภัสสรา กี่ประเสริฐพงศ์ เลขที่ 7

2.นาย ณัฐภัทร สุขุมาลไพบูลย์ เลขที่ 9 

นาย ภัคกร เมธาเพิ่่มสุข เลขที่ 15
นาย ภารุจ วุฒิไกรอุดมเดช เลขที่ 17
นาย ภูมิภพ สุวรรณาภิชาติ เลขที่ 18
วรวงค์ เลิศอำนวยพร เลขที่ 21


ประวัติและความเป็นมาของกีฬายิมนาสติก


ยิมนาสติก (Gymnastics) เป็นกีฬาสากลประเภทหนึ่งที่จัดเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ยิมนาสติกมาจากภาษากรีกว่าGymnos แปลว่า Nude ตามความหมายแปลว่า Necket Art แปลเป็นไทยว่า ศิลปะแห่งการเปลือยเปล่า” ซึ่งหมายถึงวิธีการทำให้ร่างกายสวยงามมีทรวดทรงดีด้วยวิธีเปลือยกายเล่นกีฬา และมีการประกวดทรวดทรง พร้อมกับมีการแข่งขันกีฬากลางแจ้งต่อหน้าประชาชน

          
            ยิมนาสติกเริ่มเล่นเมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานระบุชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าชาวกรีกโบราณเป็นประเทศแรกที่สนใจและมีบทบาทสำคัญต่อกีฬายิมนาสติกซึ่งจะเห็นได้จากคำว่า ยิมนาสติก ก็เป็นภาษากรีกโบราณ หมายถึง ศิลปะแห่งการเปลือยเปล่า ทั้งนี้เพราะว่าในสมัยกรีกนั้นการออกกำลังกายทุกประเภทจะไม่สวมเครื่องแต่งกายมีการประกวดทรวดทรง แข่งขันกีฬากลางแจ้ง กิจกรรมทุกประเภทที่มีการเล่นออกกำลังกายจะเล่นอยู่ในยิมเนเซียมทั้งหมด เช่น การวิ่ง การเล่นผาดโผน ไต่เชือก กายบริหาร ศิลปะการต่อสู้ เป็นต้น และเรียกกิจกรรมทุกประเภทที่ออกกำลังกายว่า ยิมนาสติก ต่อมาเมื่อกีฬาแต่ละประเภทมีวิวัฒนาการมีกฎ ระเบียบ กติกา ของตนเองขึ้น จึงแยกตัวออกไป คงเหลือกิจกรรมยิมนาสติกที่เห็นกันในปัจจุบัน ต่อมาเมื่อชาวโรมันได้รุกรานประเทศกรีก ก็ได้นำยิมนาสติกมาฝึกให้กับทหาร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กองทัพ เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมอำนาจลง กิจกรรมยิมนาสติกก็ได้รับความสนใจและความนิยมน้อยลงตามไปด้วย จนกระทั่งถึงยุคกลาง ( Middle Age ) ระหว่างศตวรรษที่ 14-16 
( พ.ศ. 1943-พ.ศ. 2143 ) กิจกรรมยิมนาสติกของกรีกก็ได้รับการฟื้นฟู ประชาชนมีความสนใจมากขึ้นเป็นลำดับ จึงทำให้กิจกรรมยิมนาสติกแพร่หลายไปในทวีปยุโรป กิจกรรมยิมนาสติกได้รับการพัฒนาอย่างแท้จริงในศตวรรษที่ 18 และ 19 (พ.ศ. 2343-พ.ศ. 2443) ซึ่งเป็นยิมนาสติกที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ 

บุคคลสำคัญที่มีส่วนในการพัฒนากีฬายิมนาสติก ได้แก่
นายโจฮัน เบสโดว์ ( Johann Basedow ) ชาวเยอรมัน ( พ.ศ.2266-พ.ศ.2233 ) บรรจุวิชานี้ไว้ในหลักสูตรพลศึกษาของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในปี พ.ศ.2319 ได้ดำเนินการสอนเป็นคนแรก กิจกรรมที่นำมาสอน เช่น การวิ่ง ขี่ม้า เดินทรงตัวบนคานไม้ ม้าขวาง และว่ายน้ำ เป็นต้น

 นายโจฮัน กัตส์ มัธส์ ( Johann Guts Muths ) ชาวเยอรมัน(พ.ศ. 2302 -พ.ศ. 2361) นำกิจกรรมยิมนาสติกสมัยกรีกมาประยุกต์กับการออกกำลังกายสมัยใหม่ โดยเขียนเป็นตำรายิมนาสติกเล่มแรกขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2336 ชื่อ Gymnastic For Youth และได้สร้างโรงยิมเนเซียมแห่งแรกขึ้น

                                                                 
                                                                  Johann Guts Muths
นายเฟรดริค จาน (Frederick Jahn) ชาวเยอรมัน(พ.ศ. 2321-พ.ศ. 2395) ได้คิดประดิษฐ์อุปกรณ์เกี่ยวกับยิมนาสติกไว้มากมาย เช่น ราวเดี่ยว ราวคู่ ม้าหู หีบกระโดด ม้ายาวชนิดสั้น (Buck) และในปี พ.ศ. 2345ได้สร้างสถานที่ฝึกยิมนาสติกโดยเฉพาะเรียกว่า เทอนเวอเรียน (Tarnverein) โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้กีฬายิมนาสติกแพร่หลายอย่างรวดเร็ว เขาจึงได้สมญาว่า บิดาแห่งกีฬายิมนาสติก

                                                                      Frederick Jahn

นายอดอฟ สปีช (Adolf spiess) ชาวสวิส (พ.ศ. 2535-พ.ศ. 2401) บรรจุวิชายิมนาสติกไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนในสวิตเซอร์แลนด์ และได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของยิมนาสติก

                                                                        Adolf spiess
  
นายดัดเลย์ เอ ซาเกนท์ (Dudley A Sargen) ชาวอเมริกา(พ.ศ. 2383-พ.ศ.2467) บรรจุยิมนาสติกไว้ในหลักสูตรระดับวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ



                                                                   Dudley A Sargen

สมาคม Y.M.C.A. (The Young Men’s Christian Association) ได้ทำการติดตั้งอุปกรณ์ยิมนาสติกไว้ในโรงยิมเนเซียม และมีครูสอนเพื่อบริการแก่สมาชิกที่เข้ามาเล่น


                                                   The Young Men’s Christian Association

ประเทศในแถบเอเชียที่มีการฝึกอย่างจริงจังคือ จีน รัสเซีย และญี่ปุ่น
         
           กีฬายิมนาสติกเป็นที่นิยมมากในประเทศสหรัฐอเมริกาจึงทำให้ขาดครูผู้สอน ดังนั้นในปี พ.ศ. 2408 ได้มีการตั้งวิทยาลัยยิมนาสติกขึ้นเป็นแห่งแรกที่เมือง อินเดียนาโปลิส มลรัฐอินเดียนา

          ยิมนาสติกมีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิค ครั้งที่ 1 ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีก กิจกรรมที่แข่งขัน เช่น การวิ่ง กระโดดสูง กระโดดไกล พุ่งแหลน ว่ายน้า ราวเดี่ยว ราวคู่ คาน-ทรงหัว และฟรีเอ็กเซอร์ไซส์ เป็นต้น



ประวัติความเป็นมาของกีฬายิมนาสติก ในประเทศไทย

          
          การเริ่มเล่นยิมนาสติกในประเทศไทยนั้นไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่า เริ่มเล่นในสมัยรัชกาลที่5เพราะในสมัยนั้นได้ส่งคนไปศึกษาต่างประเทศ เมื่อกลับมาก็ได้นาเอาวิชายิมนาสติกมาเผยแพร่ โดยเริ่มสอนที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ต่อมากระทรวงศึกษาธิการเห็นว่าวิชายิมนาสติกมีประโยชน์ในการพัฒนาร่างกายและจิตใจ จึงให้อาจารย์ร้อยเอกขุนเจนกระบวนหัด ซึ่งศึกษาวิชานี้มาจากต่างประเทศเปิดสอนยิมนาสติกที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

 พ.ศ. 2511 ก่อตั้งสมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2511

 พ.ศ. 2515 มีการสอนในวิทยาลัยพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒอย่างจริงจังและเริ่มมีการแสดงโชว์ ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกสหพันธ์ยิมนาสติกสากล (Fédération Internationale de GymnastiqueF.I.Gอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ในปีเดียวกัน

 พ.ศ.2520 อบรมเกี่ยวกับกติกาและการจัดการแข่งขันแก่ครูอาจารย์และผู้สนใจเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในกีฬายิมนาสติกมากยิ่งขึ้น ยิมนาสติกเป็นกีฬาหนึ่งในการแข่งขันกีฬาวิทยาลัยศึกษา

 พ.ศ. 2521 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาเอเซียนเกมส์ ครั้งที่ 8 ยิมนาสติกเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ซึ่งจัดให้มีการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรก กระทรวงศึกษาธิการได้จัดให้วิชายืดหยุ่นซึ่งเป็นพื้นฐานของกีฬายิมนาสติก เป็นวิชาบังคับในหลักสูตรของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น


อ้างอิง http://yimnas.blogspot.com/ เข้าถึง 30/05/58

อ้างอิง Youtube : Rhythmic Gymnastics - 2013 World